แกรมม่า สำคัญจริงๆ ใช่มั้ย เราต้องเรียน Grammar จริงๆ ใช่มั้ย
นี่คงเป็นคำถามในหัว อันแรกๆ ที่น้องๆ หลายคนตั้งขึ้นเพราะเรียนๆ แล้วจำไม่ได้บ้าง ยากบ้าง เลยคิดว่ามันจำเป็นต้องเรียนใช่มั้ย
แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ในปัจจุบันภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สำคัญ และเข้ามามีบทบาทในชีวิตของเรามากขึ้นเรื่อยๆ
น้องๆหลายๆคนที่อยากพัฒนาทักษะทางด้านภาษาอังกฤษ คงเคยตั้งคำถามกับตัวเองว่า การเรียนแกรมม่า นั้นมีความจำเป็น และส่งผลดีต่อการเรียนรู้ของน้องๆหรือไม่ อย่างไร
เรามาเริ่มจากการทำความรู้จักกับแกรมม่าอย่างเป็นทางการกันดีกว่า
แกรมม่า คืออะไรกันแน่ ?
อ้างอิงจากวิกิพีเดีย “ไวยากรณ์ (อังกฤษ: grammar) คือ การศึกษากฎเกณฑ์ของภาษา ซึ่งรวมถึง เสียง คำศัพท์ ประโยค และส่วนประกอบอื่น ๆ เช่น การประสมคำ และการตีความ คำว่าไวยากรณ์ยังหมายถึงคุณลักษณะเชิงนามธรรมของตำราที่นำเสนอกฎเหล่านี้ด้วย”
แกรมม่า คือ สิ่งที่เจ้าของภาษาใช้หรืออ้างอิงเวลาสื่อสารด้วยภาษานั้นๆ หากจะยกตัวอย่างให้เห็นภาพ พี่ขอเปรียบเทียบโครงสร้างประโยคของภาษาอังกฤษและภาษาไทย ดังนี้
I love my dog. ในภาษาอังกฤษ แปลในภาษาไทยได้ว่า ฉัน รัก หมาของฉัน
โครงสร้างประโยค หรือตำแหน่งการวางคำในประโยคของทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทยมีความเหมือนกัน คือ เริ่มต้นด้วย การวางประธาน (Subject) ตามด้วยกริยา (Verb) และกรรม (Object)
น้องๆลองคิดเล่นๆดูว่า หากโรงหนังไม่มีระบบจองที่นั่ง และปล่อยให้ลูกค้าเข้าไปแย่งที่นั่งกันได้ อะไรจะเกิดขึ้น แน่นอน สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยก็คือความโกลาหลและวุ่นวาย เราจึงต้องมีระบบในการจองที่นั่ง หรือในแง่ของภาษาก็คือ หลักหรือระบบในการวางคำต่างๆให้มีที่มา ที่ไป มีหลักการชัดเจน ผู้ส่งและผู้รับสารเข้าใจตรงกัน
จะเห็นได้ว่าแกรมม่านั้นมีความสำคัญต่อการเรียนรู้และใช้งานภาษาในชีวิตจริง ไม่ว่าจะเป็นการพูด การอ่าน การเขียน หรือการฟัง เพราะฉะนั้นแล้ว เราต้องสร้างความเข้าใจกันเสียใหม่ ว่าการเรียนแกรมม่านั้นไม่ได้น่ากลัว เพียงแค่เราต้องเข้าใจว่าแต่ละองค์ประกอบนั้นทำงานร่วมกันหรือส่งเสริมกันอย่างไร รวมทั้งเข้าใจถึงลักษณะเฉพาะตัวของแต่ละภาษาที่เราต้องการเรียนรู้ด้วย
เรามาดูกันว่า หากเราเข้าใจแกรมม่าหรือไวยากรณ์ของภาษาอังกฤษ สิ่งดีๆที่จะตามมานั้นมีอะไรบ้าง
แกรมม่าช่วยเสริมสร้างความมั่นใจในการสื่อสาร
ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารด้วยการเขียน การอ่าน การพูด หรือการฟัง การที่น้องๆเข้าใจแกรมม่าในระดับที่ดี จะช่วยเสริมสร้างให้น้องๆมีความมั่นใจในการใช้งานภาษาอังกฤษ ไม่ต้องคอยกังวลว่าเราจะพูดหรือเขียนผิดหรือไม่
มากไปกว่านั้น ความน่าเชื่อถือของน้องๆก็จะเพิ่มสูงขึ้นด้วย ใครๆก็อยากจะเป็นคนที่ใช้งานหรือพูดภาษาอังกฤษได้ดี ข้อผิดพลาดน้อย หรือไม่มีข้อผิดพลาดเลยนั่นเอง
Grammar ส่งเสริมความเป็นมืออาชีพ
ยกตัวอย่างง่ายๆจากการเขียนอีเมลที่เป็นทางการเพื่อติดต่อกับลูกค้าคนสำคัญของบริษัท หรือเรียงความชิ้นสำคัญเพื่อการเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัย หากน้องๆใช้ไวยากรณ์ผิด หรือเกิดข้อผิดพลาดในการนำส่งสารหรือเนื้อหาสาระที่น้องๆต้องการเขียน ผู้อ่านอาจจะเข้าใจน้องๆผิด และผลลัพธ์ที่อาจจะตามมาก็คือ น้องๆพลาดโอกาสสำคัญในชีวิตไป
เพราะฉะนั้นแล้ว การใช้แกรมม่าให้ถูกต้องนั้นมีแต่จะช่วยเพิ่มความเป็นมืออาชีพให้น้องๆเวลาใช้งานภาษาอังกฤษ
ยกระดับการสื่อสารด้วยความหมายที่สมบูรณ์ ไม่ตกหล่น ผู้รับสารพอใจ
หากเราต้องการสื่อสารกับเพื่อนชาวต่างชาติของเราว่า เราจะทำการบ้านเสร็จก่อนกินข้าวเย็น แต่เราดันพิมพ์บอกเพื่อนไปว่า
“I will finish my housework before dinner.”
ซึ่งแน่นอนว่าจากประโยคข้างต้น เราจะทำให้เพื่อนเราสับสน เพราะคำว่า Housework ไม่ได้แปลว่า การบ้าน (Homework) แต่อาจจะแปลว่า งานบ้าน มากกว่า
ตัวอย่างข้างต้นนี้ อาจจะไม่ได้ดูเลวร้ายมากมายนัก เพราะเพื่อนของเราก็คงจะไม่ได้โกรธที่เราสื่อสารผิดพลาด แต่น้องๆลองจินตนาการดูว่า หากเป็นบริบทอื่นที่ไม่ใช่เพื่อน แต่เป็นเจ้านายหรือลูกค้าคนสำคัญ ความผิดพลาดแบบนี้อาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่โตเลยก็ได้
บทสรุป แกรมม่า สำคัญแค่ไหน
มาถึงขั้นนี้แล้ว น้องๆคงเห็นถึงความสำคัญของแกรมม่าไม่มากก็น้อย และสิ่งสุดท้ายที่พี่อยากจะฝากน้องๆ ก่อนจากกันวันนี้ก็คือ แกรมม่าไม่ใช่สิ่งเดียวที่น้องๆควรฝึกฝนหรือพัฒนา ยังมีทักษะทางภาษาอังกฤษด้านอื่นๆเช่น การฝึกอ่าน เขียน จำศัพท์ หรือออกเสียง เป็นต้น
แต่แกรมม่าเป็นเหมือนโครงสร้างของบ้าน ที่เมื่อเรามีโครงบ้านที่แข็งแรง บ้านเราก็จะแข็งแรงตามไปด้วยเช่นกัน